วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เรียนเดี่ยว เรียนกลุ่ม เรียนทั้งห้อง

                  เรียนเดี่ยว เรียนกลุ่ม เรียนเป็นห้องใหญ่ อะไรดี อะไรเสีย อย่างไร แน่นอนว่าไม่มีสูตรสำเร็จว่า รูปแบบไหน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนรู้ คือ.. ทำให้นักเรียนเข้าใจในเนื้อหาได้ดีที่สุด ครั้งละหลายๆ คน เท่าที่จะเป็นไปได้มากที่สุด และมีต้นทุนน้อยที่ สุด..
                   ในยุคปัจจุบัน การเรียนพิเศษ นับว่าเป็นเส้นทางลัดของการเรียนรู้ ที่นอกเหนือไปจากห้องเรียน ผู้ปกครองทุกคนต่าง มุ่งพยายามที่จะเสาะแสวงหา สำนักสอนพิเศษที่ดีที่สุด เท่าที่จะหาได้ แต่ถามว่า จริงๆ แล้ว สิ่งที่เหล่าท่านแสวงหามันเป็นสิ่งดีที่สุดจริงๆ หรือ อะไรเป็นหลักฐาน หลักเกณฑ์ หรือว่า สถาบันนี้ อาจารย์นี้ ดีที่สุด ขนคนเข้า มหาวิทยาลัยได้มากที่สุด.. แล้วมันจะดีที่สุดจริงหรือ หากบุตรของเหล่าท่านไม่ได้นั่งในที่ตรงนั้น.. ลองพิจารณาดูนะครับ
                    การเรียนห้องใหญ่้ ข้อดีคือ เป็นที่ที่รวมของหมู่คนที่แสวงหาอาจารย์ดี ได้ข่าวว่าที่ไหน อาจารย์ดี เราก็เฮโลกันไป จับจองที่นั่ง การที่เราเข้าไปเรียนในที่ที่เหล่านี้ ก็นับว่าดีครับ เพราะได้เรียนกับอาจารย์ดัง ได้ความรู้ แนวการทำข้อสอบที่แปลกใหม่ (ถ้าเรียนเข้าใจนะ..) อันเป็นผลมาจากอาจารย์นั่นเอง ค่าเล่าเรียนก็แสนถูก เพราะการสอนแบบนี้ ต้นทุนต่ำ สอนรอบเดียว สอนคนได้ตั้งหลาย.. ค่าเล่าเรียนถ้านับเอาว่าเป็นราคาต่อชั่วโมงก็นับว่าถูกนัก และ มาตรฐานผู้สอน ย่อมได้ผู้สอนดี เก่ง แน่ทีเดียว ได้พบเพื่อนมากมาย ใกล้สถานที่สำคัญๆ ศูนย์การค้า การเดินทางไปมาสะดวก.. ข้อเสียคือ ถ้าบุตรของท่าน ไม่เก่งพอ พื้นฐานไม่ดี ก็เหมือนเอาเงิน กับ เวลา ไปทุ่มทิ้ง.. เพราะบุตรของท่านต้องเสียเวลาเดินทาง ทั้งๆ ที่ ไม่เข้าใจเนื้อหาเบื้องต้น.. และไม่เข้าใจว่า ไปเรียนทำไม ก็ในเมื่อมันเรียนไม่รู้เรื่อง.. จนที่สุดอาจจะออกไปสู่ ทางออกนอกเรียน และศูนย์การค้า คาราโอเกะเป็นที่ตั้ง.. ข้อเสียของการไม่เข้าถึงผู้สอน เข้าไม่ถึงผู้สอน เนื่องจากนักเรียนมีเยอะ อาจารย์มีรอบสอนถี่ๆ มีงานวิชาการ ตำหรับตำราเยอะแยะ ไม่นับรวมการเป็นที่ปรึกษาใหแก่บริษัทต่างๆ การที่จะดูแลนักเรียนให้ทั่วถึงจึงเป็นไปได้ยาก จนกระทั่งเป็นไปไม่ได้.. เมื่อเด็กมีปัญหาเกิดขึ้น.. เขาจะไปพึ่งใคร
                       การเีรียนกับครู กลุ่มย่อยๆ 4-5 คน การเีรียน 4-5 คนย่อมเข้าถึงตัวผู้สอนแน่แท้ ราคาก็นับว่าแพงกว่าเรียนเป็นคลาสใหญ่แน่ๆ แต่ก็เขยิบมานิดหน่อย ราคาค่าสอน 4-5 คนตกประมาณรอบละ 1000-1500 บาท ตกคนละ300 บาท แล้วถ้ารอบหนึี่งๆ เรียนกันสัก 2 ชั่วโมง ก็ตกสนนราคาที่ 150 บาทต่อชั่วโมง ราคาขนาดนี้ พ่อค้าแม่ค้า พนักงานเงินเดือนทั่วไป จ่ายได้ ไม่ยากนัก หากได้อาจารย์ที่มีทักษะการสอนดี การดูแล ก็ทั่วถึง เช็คความเข้าใจได้จาก การถามตอบ ถามตอบ เรียงตัว รายบุคคลไม่ยาก นับว่าเป็นข้อดีนัก       สำหรับข้อเสีย ถ้าจะบอกว่า การเข้าถึงผู้เรียน การเข้าถึงผู้สอน ทั่วถึงกว่าการเรียนคลาสใหญ่ๆ ก็จริง แต่ถ้าเทียบกับ ตัวต่อตัวแล้ว ก็นับว่า ยังสู้ในแบบตัวต่อตัวไม่ได้อยู่ดี.. เวลาที่เด็กมาเรียนกันเป็นกลุ่มๆ ระดับเด็กที่ต่างกัน จะเป็นตัวแบ่ง ขาดความเข้าใจเนื้อหาออกจากกัน ผู้สอนจะต้องมีทักษะมาก ในการแก้ไขปัญหา.. แน่นอนว่า ระบบแบบนี้ผู้สอนจะเห็นว่า ใครอ่อน ใครเก่ง และจำเป็นที่จะต้องเลือกสอน กลุ่มคนเก่งหรืออ่อน กลุ่มคนใด ไ้ด้เพียงกลุ่มบุคคล ในกลุุ่มย่อยๆ นั้นเพียงเท่านั้น.. เช่นเมื่อ อาจารย์ เห็นว่าเด็กคนนี้อ่อน.. จึงปรับจังหวะวิธีการสอนให้ช้าลง ลงเนื้อหาให้กว้างเข้าไว้เพื่อเน้นความเข้าใจเป็นพื้นเพก่อนการประยุกต์แก้ปัญหา.. จะทำให้กลุ่มคนเก่งรู้สึกว่า อาจารย์สอนช้า ดึงเวลา เนื้อหาเยิ่นเย้อ เหมือนฟัง 2 ชั่วโมง แต่สาระ มี 2 นาที ถึงแม้ว่า ผู้สอนจะใช้วิธีการดึงเวลาเด็กเก่งไว้ ด้วยการทิ้งทวนแบบผึกหัด แต่ว่า.. ท้ายที่สุด ก็ยากจะควบคุมเด็กเก่งได้.. เพราะจริงๆ แล้ว หลักๆ ในการแก้ปัญหาของคนเก่ง ก็คือ การทำลาย อีโก้ ตัวตนเป็นเบื้องแรก มากกว่า..        และในทางกลับกัน ถ้าเน้นการสอนที่มุ่งสร้างคนเก่ง จะทำให้คนอ่อน ตามไม่ทัน ไม่รู้เรื่อง และ พาลจะไม่มาเรียนเอาได้ อย่างนี้ก็ไม่ดี .. การที่จะแสวงหาทางสายกลาง ที่มีความเฉพาะคน เฉพาะกลุ่ม เป็นสิ่งที่ยาก.. ถ้าผู้สอนมีประการณ์เยอะ มีทักษะ การสอนที่ดี นำเรื่อง แล้ววางแบบฝึกหัด ต่อจังหวะได้อย่างไม่เสียเวลา.. เนื้อหา ความเข้าใจ ก็จะสามารถวางไปได้ ลงตัว และเหมาะสมกับเวลา ซึ่งการสอนแบบนี้ การสอนกลุ่มย่อย เป็นงานสอนที่ยากเอาการ เพราะเป็นการรับผิดชอบแบบหวังผลรวด 4-5 คน มากกว่าจะเป็นการหว่านหวังผลแบบกลุ่มใหญ่ หรือการหวังผลในแบบเรียนเดี่ยวตัวต่อตัว
                          การเรียนตัวต่อตัว แน่นอนครับว่า เรื่องค่าใช้จ่ายต้องสูงแน่ๆ ในราคาปัจจุบัน ค่าสอน คิดกันชั่วโมงละ 200 บาทเป็นขั้นต่ำสุดสำหรับระดับที่ต่ำกว่า ม.ต้นลงไป.. ถามว่าผู้เขียนเอาอะไรมาวัด เว็บอื่น 150บ้าง 180 บ้างก็มี แต่ในฐานะที่ตนเอง เป็นติวเตอร์เหมือนๆ กัน ถ้าราคาต่ำกว่า 200 มากๆ ก็จะไม่อยากจะรับงานแล้ว นอกเสียแต่ว่า งานนั้นอยู่ใกล้เพียงหน้าบ้าน หรือ เด็กเดินทางมาเรียนกันถึงบ้านติวเตอร์เท่านั้น ลองสังเกตดูนะครับว่า ถ้าท่านเป็นผู้ปกครอง แล้วท่านไปต่อรองเว็บ ใ้ห้เขาจัดหาผู้สอนให้ ในระดับราคาที่ท่านต้องการ เช่น ชั่วโมงละ 150 บาทเท่าั้นั้น        การที่ท่านจะได้ติวเตอร์โดยเร็ว แล้วมีคุณภาพนั้น ออกจะยากสักหน่อย ก็นอกเสียว่าบังเอิญบ้านของติวเตอร์ท่านนั้นอยู่ปากซอยบ้านท่านพอดี..            การเรียนเดี่ยวนับว่ามีข้อดีนักในเรื่องของความเข้าใจของนักเรียน เพราะการสอนง่าย ไม่มีความซับซ้่อนในเรื่องการจัดการ จะว่าไป เพียงปากกาด้ามเดียว กับกระดาษสักสองแผ่นก็สอนกันได้ โดยไม่ต้องออกแบบชีท อุปกรณ์การสอนเสริม .. ส่วนเรื่องสอบทวนความเข้าใจ ก็เช็คได้จากการถามตอบโดยทันที และไม่ต้องไปรั้งรอผู้ใด เนื่องจากมีกันแค่สองคน ระหว่างติวเตอร์ และ นักเรียน.. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การสอนแบบนี้ ถ้าไม่ได้ติวเตอร์ที่มึคุณภาพ ก็อาจะโดนถ่วงเวลาเด็ก ชวนเด็กคุยเรื่องโน้นที เรื่องนั้นที พอเวลาผ่านไปจนหมด ก็รับตัง กลับบ้านไม่ได้อะไร.. ซึ่งคนแบบนี้ก็มี.. เพราะโดยสัญชาตญาณของเด็ก ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ถ้าผู้สอนพานอกเรื่อง ก็เข้ารกเข้าพงได้โดยทันที โดยไม่ต้องมีพร้า.. เรื่องนี้ผู้ปกครองต้องพึ่งระวัง.. โดยสังเกตจากบุคคลิกของติวเตอร์ของท่าน ว่าเขาเป็นเช่นไร มีคุณธรรมจรรยาบรรณหรือไม่ เหล่านี้ อาจจะพอเช็คได้จากคำถามบางอย่างในแง่ของการแสดงออกทางทัศนคติ และ.. ในส่วนของเด็ก ท่านอาจจะสังเกตได้จากการถามว่า เขาสอนอะไรบ้้าง หรือ ดูได้จากผลการเรียน วัดผลต่างๆ
                      สรุปแล้ว ไม่ว่าท่านจะเรียนในแบบไหน ย่อมไม่มีทางใดที่ดีได้ที่สุด ขึ้นอยู่กับวาระ โอกาส และงบประมาณ ทางซันเดย์ติวเตอร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความที่ได้แสดงทัศนะไว้นี้จะเป็นแนวทางที่ดี ในการนำไปประกอบการพิจารณาเลือกสถาบันและรูปแบบการสอน การเรียน ของบรรดานักเรียนและผู้ปกครองในโอกาสต่อไป
                        ขอคุณพระศรีรัตนตรัยจงอำนวยผลทางจิต มุ่งหมาย สัมฤทธิ์ แด่ทุกคน ทุกท่าน เทิญ.



เว็บมาสเตอร์
                  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น